ภาษีป้ายจ่ายที่ไหน ยื่นภาษีป้ายใช้เอกสารอะไรบ้าง คำนวณภาษีป้ายยังไง ใครบ้างที่ต้องเสียภาษีป้าย สารพัดคำถามเรื่องภาษีป้ายที่เจ้าของร้านควรรู้
เจ้าของร้านพาร์ทเนอร์ถูกดี มีมาตรฐานหลาย ๆ ท่าน คงทราบกันอยู่แล้วว่าจะต้องยื่นแบบเสียภาษีป้ายทุกปี แต่สำหรับพาร์ทเนอร์หน้าใหม่ที่เพิ่งมีร้านเป็นของตัวเอง อาจยังไม่รู้ว่าต้องจ่ายภาษีป้ายหรือดำเนินการอย่างไร วันนี้เราจะมาไขข้อสงสัยเรื่องนี้ให้ทราบกัน
ภาษีป้ายคืออะไร?
ภาษีป้าย คือ ภาษีที่จัดเก็บจากป้ายแสดงชื่อ ยี่ห้อ หรือเครื่องหมายที่ใช้ในการประกอบการค้า หรือประกอบกิจการเพื่อหารายได้ หรือโฆษณาการค้า หรือกิจการอื่นเพื่อหารายได้ โดยเป็นภาษีที่มีการจัดเก็บเป็นรายปีตามขนาดป้าย โดยมีองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นเป็นหน่วยงานรับผิดชอบในการจัดเก็บ ได้แก่ เทศบาล, องค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.), กรุงเทพมหานคร และเมืองพัทยา เจ้าของป้ายสามารถยื่นเสียภาษีป้ายได้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม – 31 มีนาคม ของทุกปี
อัตราภาษีป้ายมีกี่ประเภท?
ภาษีป้ายจะกำหนดอัตราภาษีตามขนาดพื้นที่ป้ายและลักษณะของข้อความที่ปรากฏตามป้ายด้วย โดยแบ่งป้ายเป็น 3 ประเภท ดังนี้
ป้ายประเภทที่ 1 – ป้ายที่มีอักษรไทยล้วน
ป้ายประเภทที่ 2 – ป้ายที่มีอักษรไทยปนกับอักษรต่างประเทศ (รวมถึงเลขอารบิก) หรือมีอักษรไทยปนกับภาพ และ/หรือเครื่องหมายอื่น
*ป้ายร้านถูกดี มีมาตรฐานจัดอยู่อัตราภาษีป้ายประเภทนี้
ป้ายประเภทที่ 3 – ป้ายที่ไม่มีอักษรไทย ไม่ว่าจะมีภาพหรือเครื่องหมายใด ๆ หรือไม่ และป้ายที่มีอักษรไทยบางส่วนหรือทั้งหมดอยู่ใต้หรือต่ำกว่าอักษรต่างประเทศ
คำนวณภาษีป้ายยังไง?
สูตรการคำนวณภาษีป้าย พื้นที่ป้าย (ตร.ซม.) x อัตราภาษีป้าย/ 500 ตร.ซม. = ยอดภาษีป้ายที่ต้องเสีย
1. การคำนวณพื้นที่ป้าย พิจาณาจาก
1.1 ป้ายที่มีขอบเขตกำหนดได้
คือ ป้ายที่มีขอบเขตชัดเจน ให้คำนวณพื้นที่ของป้ายเป็น ตร.ซม. โดยให้นำส่วนที่กว้างที่สุด (ซม.) คูณกับส่วนที่ยาวที่สุด (ซม.) เพื่อคำนวณพื้นที่ของป้าย
1.2 ป้ายที่ไม่มีขอบเขตกำหนดได้
คือ ป้ายที่แสดงข้อความ ชื่อ ยี่ห้อ โดยไม่มีขอบเขตที่ชัดเจน เช่น เขียนไว้บนผนัง อาคาร หรือกำแพง เป็นต้น โดยให้คำนวณพื้นที่ป้ายเป็น ตร.ซม. โดยให้วัดจากตัวอักษร ภาพ หรือเครื่องหมายที่อยู่ริมสุดเป็นขอบเขตสำหรับกำหนดความกว้างที่สุดและยาวที่สุด (ซม.) เพื่อคำนวณพื้นที่ของป้าย
2. จากนั้นจึงคำนวณหาภาษีป้ายจากตารางอัตราภาษีป้ายข้างต้นโดยพิจารณาตามประเภทของป้าย
*กรณีที่คำนวณภาษีป้ายได้ต่ำกว่าป้ายละ 200 บาท ให้กิจการเสียภาษีป้ายละ 200 บาท
**โดยป้ายร้านถูกดี มีมาตรฐานถือเป็นป้ายที่มีขอบเขตกำหนดได้
ยื่นภาษีป้ายใช้เอกสารอะไรบ้าง?
ภาษีป้ายจะเรียกเก็บเป็นรายปี โดยเจ้าของป้ายต้องยื่นแบบ ภ.ป.1 ภายในวันที่ 31 มีนาคมของทุกปี และเมื่อได้รับการแจ้งประเมินค่าป้ายภาษีแล้ว ต้องชำระภาษีภายใน 15 วันนับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้งการประเมิน
สำหรับการติดตั้งป้ายต้องยื่นขออนุญาตผู้บริหารท้องถิ่นก่อน โดยแจ้งขนาด พร้อมภาพถ่ายหรือภาพสเกตช์ของป้าย และแผนผังที่ตั้งของป้ายกับสำนักเขต เทศบาล เมืองพัทยา หรือองค์การบริหารส่วนตำบล จากนั้นจึงยื่นแบบ ภ.ป.1
เอกสารที่ใช้ประกอบการยื่นแบบแสดงรายการภาษีป้าย (ภ.ป.1)
-
บัตรประชาชน
-
สำเนาทะเบียนบ้าน
-
ใบทะเบียนพาณิชย์
-
รูปถ่ายป้าย พร้อมขนาด (กว้างxยาว ซม.)
-
ใบอนุญาตติดตั้งป้ายหรือใบเสร็จรับเงินจากร้านทำป้าย
หมายเหตุ: ในกรณีที่เคยยื่นแบบ ภ.ป.1 แล้ว ให้นำใบเสร็จรับเงินค่าภาษีป้ายจากปีก่อนมาแสดงด้วย
กรณีติดป้ายปีแรก
โดยปกติเจ้าของป้ายต้องเสียภาษีป้ายเป็นรายปีเต็มจำนวน แต่สำหรับป้ายที่ติดตั้งเป็นปีแรก ให้เสียภาษีป้ายตั้งแต่วันเริ่มติดตั้งจนถึงงวดสุดท้ายของปี (คิดภาษีป้ายเป็นรายงวด งวดละ 3 เดือน) ซึ่งแบ่งได้เป็น 4 ช่วง ดังนี้
-
ติดป้ายระหว่างมกราคม – มีนาคม เสียเต็มจำนวน 100%
-
ติดป้ายระหว่างเมษายน – มิถุนายน เสีย 75% ของอัตราภาษีป้ายทั้งปี
-
ติดป้ายระหว่างกรกฎาคม – กันยายน เสีย 50% ของอัตราภาษีป้ายทั้งปี
-
ติดป้ายระหว่างตุลาคม – ธันวาคม เสีย 25% ของอัตราภาษีป้ายทั้งปี
เช่น ถ้าติดป้ายปีแรกวันที่ 15 กรกฎาคม จะต้องเสียภาษีป้ายเป็นจำนวน 25% ของอัตราภาษีป้ายทั้งปี
จากที่เล่ามาน่าจะคลายความสงสัยของใครหลายคนเรื่องภาษีป้ายได้ไม่มากก็น้อย รู้แบบนี้แล้ว พี่ ๆ พาร์ทเนอร์ร้านถูกดี มีมาตรฐาน อย่าลืมชำระค่าภาษีป้ายภายในระยะเวลาที่กำหนดด้วยนะ จะได้ไม่ต้องเสียค่าปรับ
ข้อมูลจาก: itax.in.th